สีเจล หรือ สีธรรมดาดี จะทำเล็บทั้งทีสาวๆ เคยสงสัยบ้างไหมว่าสีเจลกับสีธรรมดาแตกต่างกันอย่างไร ? มาดูข้อมูลเปรียบเทียบแบบช็อตต่อช็อตกัน !
ขั้นตอนทำเล็บ
สีเจล : หลังจากเตรียมหน้าเล็บด้วยการตะไบ เคลียร์หนังรอบเล็บ และปัดให้สะอาดแล้ว ก่อนลงสีเจลต้องทาตัวกันเชื้อรา ตามด้วยไพรเมอร์ปรับสภาพหน้าเล็บ รอให้แห้งก็เริ่มทา Base Gel แล้วนำไปอบแห้ง ต่อด้วยการทาสีเจลแล้วอบให้แห้งอีกที ก่อนเคลือบด้วย Top Gel แล้วปิดท้ายด้วยการอบอีกครั้ง จะเห็นว่าขั้นตอนทำเล็บเจลแอบใช้เวลานาน และต้องไปทำเล็บเจลที่ร้านทำเล็บเท่านั้น เพราะต้องใช้ทั้งเครื่องอบ และช่างฝีมือดี
สีธรรมดา : หลังจากเตรียมหน้าเล็บด้วยการตะไบ เคลียร์หนังรอบเล็บ และปัดให้สะอาดแล้ว เมื่อแห้งแล้วก็ลุยทาสีเล็บได้เลย จะทาเองหรือเข้าร้านทำเล็บก็ได้ แต่ต้องรอให้สีทาเล็บแห้งสนิทจริงๆ ถึงจะใช้เล็บไปหยิบจับอะไรได้นะ
ต้องจ่ายเท่าไหร่
สีเจล : แน่นอนว่าราคาสำหรับการทำเล็บเจลย่อมสูงกว่าการทาเล็บสีธรรมดา เพราะขั้นตอนการทำที่ละเอียด มีค่าช่างทำเล็บ ค่าเครื่องอบเล็บเจล และค่าถอดเล็บเจลรวมอยู่ด้วย
สีธรรมดา : ราคาสีธรรมดาถูกกว่าสีเจล เพราะตัดเรื่องวิธีการต่างๆ ออกไป จึงมีตั้งแต่ราคาหลักสิบไปยันเกือบหลักพันให้เลือกทาเล็บ
ติดทนแค่ไหน
สีเจล :สีเจลจากการทำเล็บเจลจะติดทนแบบสิบ สิบ สิบ ! ไปนานประมาณ 4 อาทิตย์ ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับสภาพเล็บ และกิจกรรมของสาวๆ แต่ละคน เพราะสีเจลเป็นสีทาเล็บที่เกิดจากการผสมเจลเนื้ออ่อนเข้ากับสีธรรมดา ทำให้สีเจลติดทน เม็ดสีแน่น เงาสวย เข้าเครื่องอบแล้วแห้งทันที เรียกได้ว่าพอทำเล็บเจลเสร็จก็ออกไปสวยต่อได้เลย
สีธรรมดา : เรื่องติดทนสีธรรมดาคงต้องยกธงขาวยอมแพ้สีเจล เพราะอาจต้องรอให้สีแห้ง เกาะหน้าเล็บประมาณ 20-30 นาที ซึ่งขึ้นอยู่กับชนิดของสีทาเล็บ
ล้างยังไง
สีเจล : ทำเล็บเจลที่ร้านทำเล็บ ก็ต้องมาถอดเล็บเจลที่ร้านเท่านั้นนะ เพราะการถอดเล็บเจลที่ไม่ทำให้เล็บของสาวๆ พัง ต้องใช้การถอดเล็บเจลแบบอ่อนโยน อย่างที่ร้านทำเล็บ TheNailBakery ก็ใช้วิธีถอดเล็บเจลแบบอ่อนโยน (Gentle Bake Gel Remover) ที่มีอะซิโตนเป็นผู้ช่วยหลัก ซึ่งเป็นสารที่ไม่ทำลายกระดูก ไม่ทำให้เล็บบางนั่นเอง
สีธรรมดา : ใช้แค่น้ำยาล้างเล็บกับสำลีก็ล้างออกได้แล้ว แป๊บเดียวเท่านั้น เห็นความแตกต่างของสีเจลกับสีธรรมดาที่เราเปรียบเทียบให้อ่านไปแล้ว ก็ลองเลือกสีทาเล็บให้เหมาะกับไลฟ์สไตล์ของตัวเองดูล่ะ